เล่นแบล็คแจ็ค Sa Gaming
เล่นแบล็คแจ็ค Sa Gaming ผู้เล่นควรเรียนรู้ถึงวิธีการ และรูปแบบการเล่น รวมไปถึงทำความเข้าใจ เงื่อนไขต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อช่วยสร้างโอกาสในการทำกำไร
วิธีการเล่นแบล็คแจ็ค (BlackJack)
วิธีการเล่นแบล็คแจ็ค จะมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- ข้อกำหนดพื้นฐาน ที่เป็นมาตรฐาน ของการเล่นแบล็คแจ็คคือ จะต้องมีเจ้ามือ 1 คน และมีผู้เล่นไม่เกิน 7 คน ใช้ไพ่ในการเล่น ตั้งแต่ 4-8 สำรับ (แล้วแต่ข้อกำหนดของเจ้ามือ)
- เมื่อเริ่มเกม เจ้ยวกัน โดยข้อกำหนด ของลักษณะการวางไพ่ ที่แจกให้ผู้เล่นทุกคนนั้น จะต้องคว่ำไพ่
- ในขณะที่ไพ่ขอามือจะทำการแจกไพ่ใบแรก ให้กับผู้เล่นทุกคน ตามลำดับ และจะแจกไพ่ใ ห้กับตัวเองเป็นลำดับสุดท้าย จากนั้น จะทำการแจกไพ่ใบที่ 2 ในลักษณะเดียวเจ้ามือ จะหงายขึ้นมา 1 ใบ แต่ในลักษณะของการเล่ นแบล็คแจ็คออนไลน์ เราจะเห็นไพ่ของผู้เล่นทุกคน หงายขึ้นทุกใบ มีเฉพาะของเจ้ามือเท่านั้น ที่เราจะเห็นไพ่เพียงแค่ใบเดียว
- หลังจากที่เราเห็นแต้ม ในมือของตัวเอง เราจะต้องตัดสินใจ ในการเดิมพันด้วยการเลือกวิธีการต่างๆ เช่น พอ หมอบ จั่วไพ่ แยกกอง หรือเพิ่มเงินเดิมพัน
- เมื่อผู้เล่นตัดสินใจ พอ หรือ ขอจั่วไพ่จนถึงระดับที่พอใจ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ศัพท์ของนักพนันมักจะเรียกว่า “อยู่” แต่จะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เกิน 21 แต้ม (เกิน 21 แต้ม แพ้ทันที)
- จากนั้นจะทำการวัดผล กับไพ่ของเจ้ามือ ฝ่ายใดได้แต้มสูงกว่า (แต่จะต้องไม่เกิน 21 แต้ม) จะกลายเป็นผู้ชนะ และได้รับเงินเดิมพัน 1 เท่าของเงินเดิมพันที่ลงไป แต่ในกรณีชนะด้วยแต้มแบล็คแจ็ค หรือ 21 แต้มจะได้รับผลตอบแทน 3 เท่าของเงินเดิมพัน
รูปแบบของการวางเดิมพัน
- 1. ผู้เดิมพันสามารถที่จะเลือกเล่นได้มากกว่า 1 กอง
- 2. เมื่อเปิดไพ่แล้ว เห็นแต้มของไพ่ทั้ง 2 ใบ จะมีสถานการณ์ ของการตัดสินใจเดิมพัน ในลักษณะที่แตกต่างกันได้แก่
- ไพ่ 2 ใบแรกให้แต้มรวม 21 แต้ม จะให้ผลชนะในทันที
- ไพ่ 2 ใบแรกให้แต้ม 17 แต้มขึ้นไป แต่ไม่ถึง 21 แต้ม สถานการณ์แบบนี้ ค่อนข้างได้เปรียบ และผู้เดิมพันมักจะใช้คำสั่งอยู่ / พอ หรือ stand
- ไพ่ 2 ใบแรกได้แต้มต่ำกว่า 16 แต้ม จะต้องมีการขอจั่วไพ่ใบที่ 3 ซึ่งเจ้ามือจะทำการถาม ถึงความต้องการ ในการจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบตามลำดับจนครบรอบ ซึ่งถ้าแต้มในมือยังต่ำอยู่ สามารถที่จะขอไพ่ได้อย่างไม่จำกัด จนกว่าจะมีแต้มที่ใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากที่สุด แต่ทั้งนี้จะต้องไม่เกิน 21 แต้ม
- ในกรณีที่ได้ไพ่ Ace 2 ใบ ซึ่งทำให้มีสถานการณ์ ที่มีโอกาสได้ไพ่ใบที่ 3 และ 4 ซึ่งอาจได้ เท่ากับ 10 (10 , J , M , K ) เพิ่งจะทำให้ไพ่ในมือได้แต้มรวม 21 แต้ม หรือ แบล็คแจ็ค สถานการณ์แบบนี้ ผู้เดิมพันสามารถที่จะแยกไพ่ ออกเป็น 2 กองได้ ซึ่งจะต้องเพิ่มเงินเดิมพัน ในกองที่ 2 เข้าไปอีก
- ถ้าเห็นสถานการณ์ ที่ค่อนข้างเป็นต่อ เพราะมีแต้ม 2 ใบแรกในมือค่อนข้างสูง ผู้เดิมพันสามารถที่จะกด เพิ่มยอดเดิมพันขึ้นเป็น 2 เท่าได้อีกด้วย
- ถ้าไพ่ 2 ใบแรกให้แต้มที่ไม่น่าสนใจ และเป็นแต้มไพ่ ที่ลุ้นค่อนข้างยาก เพราะมีความเสี่ยงสูง ที่ไพ่ใบที่ 3 เมื่อจั่วไพ่ออกมาแล้ว อาจทำให้แต้มในมือของเรา อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยยิ่งขึ้น เราสามารถที่จะเลือก ที่จะหมอบหรือหยุด เพื่อขอรับเงินเดิมพันคืนครึ่งหนึ่ง
- เมื่อมีการขอจั่วไพ่ใบที่ 3 เกิดขึ้นแล้วให้แต้มเกิน 21 แต้ม แต้มจะให้ผลแพ้เดิมพันทันที แต่ทั้งนี้ ถ้าเจ้ามือเป็นผู้จั่วไพ่ได้เกิน 21 แต้ม เท่ากับว่าผู้เล่นทั้งหมด ที่มีแต้มไม่ถึง 21 แต้มจะเป็นผู้ชนะทั้งหมด
- 3. การเลือกเดิมพันในลักษณะพิเศษ เช่น Insurance หรือแบบประกันภัย จะมีการคิดยอดเดิมพันครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพันที่เราลงไปในครั้งแรก นั่นหมายความว่า ถ้าแต้ม 2 ใบแรกของเจ้ามือรวมกันได้ 21 แต้ม ผู้เดิมพันที่เลือกเล่นในรูปแบบประกันภัย จะได้รับกำไรครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพัน แต่ถ้าแต้มของเจ้ามือให้ผลแพ้จะทำให้เราสูญเสียเงินเดิมพันทั้งหมดไป
- 4. การให้ผลชนะในลักษณะพิเศษ เช่น ชนะด้วยไพ่คู่ ทั้งแต้มเหมือน หรือเป็นลักษณะของไพ่คู่ผสม ลักษณะการเดิมพันในรูปแบบพิเศษนี้จะทำให้ผู้ร่วมกันได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าปกติอีกด้วย